ถ้าพูดถึงการซ้อมของนักกีฬา หลายคนอาจนึกถึงการฝึกทักษะเฉพาะ เช่น นักวิ่งก็ซ้อมวิ่ง นักบอลก็ซ้อมเตะ แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความแข็งแกร่งและความทนทานของนักกีฬาส่วนใหญ่ก็คือ Strength Training หรือการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ นั่นเองค่ะ

Strength Training คืออะไร
Strength Training คือการออกกำลังกายที่มุ่งเน้นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและร่างกาย โดยใช้แรงต้าน เช่น ดัมเบล บาร์เบล ยางยืด หรือแม้แต่การใช้แรงต้านจากน้ำหนักตัวเอง
ทำไมนักกีฬาต้องฝึก Strength Training
- เพิ่มพลังระเบิด เช่น นักวิ่งสปรินท์ที่ต้องการออกตัวไว หรือบาสเกตบอลที่ต้องกระโดดสูง
- ลดความเสี่ยงบาดเจ็บ เพราะกล้ามเนื้อและข้อต่อแข็งแรงขึ้น รองรับแรงกระแทกได้ดีกว่า
- ฟื้นตัวเร็ว หลังการซ้อมหรือแข่ง เพราะร่างกายมีฐานความแข็งแรงที่ดี
- เพิ่มความทนทาน ทั้งในการซ้อมหนักและการแข่งขันที่ใช้เวลานาน
- เสริมสมดุลร่างกาย ทำให้การเคลื่อนไหวมั่นคง คล่องตัวมากขึ้น
ตัวอย่าง Strength Training ที่นักกีฬานิยม
- Squat และ Deadlift ช่วยเพิ่มความแข็งแรงแกนกลางและขา
- Push Up และ Bench Press เสริมกล้ามเนื้ออก ไหล่ และแขน
- Pull Up และ Row พัฒนากล้ามหลังและท่าทางการเคลื่อนไหว
- Core Training เช่น Plank เพื่อให้แกนกลางลำตัวแข็งแรง

เคล็ดลับในการฝึกให้ได้ผล
- ฝึกสัปดาห์ละ 2–3 ครั้งควบคู่กับการซ้อมเฉพาะกีฬา
- เพิ่มน้ำหนักหรือความยากทีละขั้น เพื่อให้ร่างกายปรับตัว
- ใส่ใจกับเทคนิคการฝึกที่ถูกต้อง ลดความเสี่ยงบาดเจ็บ
- อย่าลืมพักผ่อนและกินอาหารที่ช่วยเสริมการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อ
Strength Training จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มกล้ามสวย ๆ แต่คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้นักกีฬาทำผลงานได้ดียิ่งขึ้น ใครที่อยากยกระดับการเล่นกีฬา ไม่ว่าจะเล่นเพื่อแข่งขันหรือเพื่อสุขภาพ อย่ามองข้ามการฝึก Strength Training เลยค่ะ
เรียบเรียงโดย. Jija